เมนู

[1662] ป. ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นเหตุ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นเหตุ โดยเป็นที่อาศัยแห่ง
อุปาทายรูปทั้งหลาย มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า มหาภูตเป็นเหตุโดยเป็นที่อาศัยแห่งอุปาทายรูป
ทั้งหลาย ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปเป็นเหตุ.
รูปังเหตูติกถา จบ

อรรถกถารูปัง เหตูติกถา


ว่าด้วย รูปเป็นเหตุ


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องรูปเป็นเหตุ. ในเรื่องนั้น คำว่า เหตุ ได้แก่
เหตุที่เป็นชื่อของเหตุมีกุสลมูลเป็นต้นบ้าง ที่เป็นชื่อของปัจจัยอย่างใด
อย่างหนึ่งบ้าง. ก็ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอุตตราปถกะ
ทั้งหลายว่า รูปเป็นเหตุโดยไม่แปลกกันเลย โดยอาศัยพระบาลีว่า
มหาภูตรูป 4 เป็นเหตุของอุปาทารูป ดังนี้ เพราะไม่แยกเนื้อความอย่างนี้
คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
คำว่า เป็นเหตุคือโลภะ ความว่า สกวาทีย่อมถามว่า รูปเป็นอโลภเหตุ
หรือ ? ปรวาทีตอบปฏิเสธ. แม้ในปัญหาที่เหลือก็นัยนี้.
ในคำว่า มหาภูตรูปทั้งหลายเป็นเหตุโดยเป็นที่อาศัยแห่งอุปาทารูป
ทั้งหลาย
นี้ ท่านกล่าวถึงความเป็นเหตุเพราะอรรถว่าเป็นปัจจัย มิได้
กล่าวความเป็นเหตุเพราะอรรถว่าเป็นมูล เพราะฉะนั้น พระบาลีนั้น จึง
มิใช่ข้อพิสูจน์รับรองในปัญหาข้อนี้ ดังนี้แล.
อรรถกถารูปังเหตูติกถา จบ

รูปังสเหตุกันติกถา



[1663 ] สกวาที รูปเป็นธรรมที่มีเหตุหรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นธรรมมีเหตุ โดยเหตุคืออโลภะหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นธรรมมีเหตุ โดยเหตุคืออโทสะ ฯลฯ โดยเหตุ
คืออโมหะ ฯลฯ โดยเหตุคือโลภะ ฯลฯ โดยเหตุคือโทสะ ฯลฯ โดยเหตุคือ
โมหะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1664] ส. รูปเป็นธรรมมีเหตุหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจแห่ง
รูปนั้น มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ
แห่งรูปนั้นไม่มี มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งรูปนั้นไม่มี ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปเป็นธรรมมีเหตุ.
[1665] ส. อโลภะเป็นธรรมมีเหตุ เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งอโลภะนั้น มีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.